เริ่มต้นวันฟรีเดย์ที่โรงแรม Sapporo Grand Hotel ซึ่งเป็นโรงแรมที่เราได้เข้าพักตั้งแต่เมื่อคืนหลังจากดินเนอร์ปูยักษ์นั่นเอง โลเคชั่นของโรงแรมนี้ดีมากๆ อยู่ใกล้สถานีรถไฟ, สวนโอโดริ แล้วด้านหลังโรงแรมยังเป็นที่ตั้งของตึกที่ทำการรัฐบาลเก่าฮอกไกโดอีกด้วย แบบว่าเปิดม่านมาก็เจอวิวแบบนี้เลย


หลังจากทานอาหารเช้าเรียบร้อยก็ออกไปเดินเล่นในเมืองกันก่อน สถานที่แรกก็คือตึกแดงที่ตั้งอยู่หลังโรงแรมเรานี่เอง มองลงมาจากบนห้องแล้วทีนี่เข้าไปดูของจริงกันดีกว่า


อาคารสีแดงตั้งอยู่ท่ามกลางต้นไม้ เป็นภาพที่สวยงามมากๆเลย เคยเห็นจากในรูป วันนี้ได้มาดูของจริงคือใหญ่และสวยกว่าที่คิดไว้อีก
จากตรงนี้เราก็ใช้เวลาเดินเล่นถ่ายรูปกันอยู่พักใหญ่ๆ เพราะรอบๆนี้มีวิวใบไม้แดงให้ snap รูปกันเพลินเลยละค่ะ


จากนั้นก็ไปที่สถานีโอโดริเพื่อเดินทางไปโรงงานขนมด้วยรถไฟใต้ดิน ตรงนี้เป็นสวนโอโดริและ Sapporo TV Tower ที่เราได้แอบมาเก็บภาพไปเมื่อคืนนั่นเอง


การเดินทางไปโรงงานขนม Shiroi Koibito Park “ISHIYA Chocolate Factory” ให้ขึ้นรถไฟ Tozai Line ลงที่สถานีสุดท้าย Miyanozawa แล้วออกจากสถานีที่ทางออก 2 เดินเลี้ยวซ้ายเข้าถนนเล็กๆ แล้วเราก็จะเจอตึกของโรงงานอยู่ทางขวามือ


ถึงแล้วค่าาา โรงงานขนม Shiroi Koibito Park “ISHIYA Chocolate Factory” ช่วงนั้นเป็นช่วงกำลังจะเข้าฤดูหนาว ตามจุดต่างๆก็เลยตกแต่งด้วยตุ๊กตาสโนว์แมนเต็มไปหมดเลย


ตามแผนคือเราจะเข้าไปชมโรงงานขนมแบบที่เคยอ่านรีวิวกัน แต่แอบผิดแผนนิดหน่อยตรงที่วันที่ไปโรงงานด้านในกำลังอยู่ในช่วงปรับปรุงพอดี ซึ่งถ้าจะจ่ายเงินเพื่อเข้าชมโรงงานวันนี้ก็จะได้ดูเพียงวิดีโอเท่านั้นเอง งั้นเอาเป็นว่าเราไปเดินเล่นในส่วนปาร์คกันดีกว่า ส่วนปาร์คและร้านค้าสามารถเข้าได้เลย ไม่เสียค่าเข้าค่ะ


ภายในปาร์คมีสวนที่ปกติจะมีดอกไม้สวยๆ แต่ช่วงนี้จะเข้าหน้าหนาวแล้วก็เลยจะเปลี่ยนเป็นโชว์ไฟ Illumination ตอนกลางคืน ส่วนอาคารรอบๆก็ออกแบบให้เหมือนกับว่าเรากำลังเดินอยู่ในโซนยุโรปเลยทีเดียว

ใครชอบของหวานเยลลี่ขอแนะนำของหวานที่ไม่ควรพลาดเลยนั่นก็คือ Softcrem ของ Shiroi Koibito ค่ะ ราคาโคนละ 300 เยนเท่านั้น แถมยังอร่อยแบบคุ้มเกินคุ้มจริงๆ คอนเฟิร์มเลย


เมื่อถึงเวลา ที่หอนาฬิกาจะมีเสียงระฆังดังขึ้น แล้วก็มีเพลงบรรเลงพร้อมกับมีการแสดงจากหุ่นพนักงานโรงงานขนมออกมาร้องเพลงให้ฟัง ตอนนี้บรรยากาศภายในปาร์คจะสวยงามเป็นพิเศษเพราะจะมีฟองสบู่พ่นออกมาเต็มไปหมดเลย

หลังจากชมการแสดงเสร็จก็เข้าไปซื้อขนมกันซะหน่อย มาถึงที่ทั้งทีต้องไม่พลาดคุกกี้ของ Shiroi Koibito เค้านะ ด้านในอาคารทรงยุโรปที่เห็นกันจะเป็นร้านขายขนม ส่วนชั้นบนเป็นส่วนจัดแสดงของเล่นโบราณค่ะ



ด้านในกำลังตกแต่งต้อนรับเทศกาลคริสต์มาสที่กำลังจะมาถึงด้วย สวยงามมากๆ


ด้านหน้าทางเข้าร้านขนมจะมีหุ่นยนต์ที่ชื่อ Pepper อยู่ด้วย ใครสนใจก็เข้าไปจิ้มๆที่หน้าจอ เข้าเปปเปอร์ก็จะเต้นให้เราดูด้วยนะ


หลังจากแวะซื้อขนมกลับบ้านเรียบร้อยก็ออกไปสำรวจปาร์คอีกด้านกันต่อ ตรงนี้มีรถไฟขบวนเล็กๆ ที่จะวิ่งลอดบ้านขนมกับอุโมงค์ช็อคโกแลต ใครสนใจนั่งรถไฟเล่นๆ ก่อนกลับบ้านกันได้ คนละ 300 เยน/รอบค่ะ


ตอนขึ้นรถไฟรู้สึกตื่นเต้นเบาๆ เพราะจะวิ่งไปในอุโมงค์มืดๆ แบบว่าไม่รู้ว่าข้างหน้ามีอะไร แถมทั้งขบวนทั้งมีแค่พวกเราอีก จ่ายทีเดียวเหมือนได้เหมาทั้งขบวนเลยแหละ

เดินเล่นภายในปาร์คสนุกๆกันมาทั้งวันตอนนี้ก็ได้เวลาออกไปหาของอร่อยกินกันต่อแล้ว ก่อนกลับที่ด้านข้างโรงงานขนมมีสนามฟุตบอลกับสวนสาธารณะที่ชื่อว่า Miyanozawa Fureai อยู่ด้วย ขอไปเดินเล่นกันนิดนึงเพราะวิวสวยมากๆ


ด้านหลังเป็นภูเขา พร้อมกับสนามหญ้าโล่งๆ ที่ตอนนี้กลายเป็นสีขาวด้วยหิมะชั้นบางๆ เป็นวิวที่มองแล้วสบายตามากๆเลย

จากนั้นก็ขึ้นรถไฟกลับเข้าตัวเมืองซัปโปโรกันค่ะ มื้อเย็นนี้เราจะไปกินซูชิจานหมุนเจ้าเด็ดแห่งฮอกไกโดกันที่ร้าน Nemuro Hanamaru ตั้งอยู่ที่ตึก JR Tower Stellar Place ชั้น 6 ก่อนมาอ่านรีวิวเค้าว่าเป็นร้านดังที่ต้องรอคิวกันยาวเลยแหละ แต่ตอนที่ไปโชคดีมากๆ เพราะมีคิวอยู่แค่ 2 คิวเอง แปปเดียวก็ได้เข้าร้านเลย


เป็นธรรมดาของร้านซูชิจานหมุนแบบนี้ อยากได้เมนูไหนก็หยิบได้ตามใจชอบ หรือถ้าเมนูที่อยากกินไม่มาซะทีจะสั่งเอาเลยก็ได้ ส่วนราคาก็คิดตามสีจาน เค้าจะมีป้ายติดไว้ที่โต๊ะว่าจานสีไหนราคาเท่าไหร่บ้าง


ซูชิอร่อยสมคำร่ำลือโดยเฉพาะแซลมอนอะบุริ หรือซูชิหน้าแซลมอนรมควัน เนื้อปลาดีมากกกก นุ่มละมุนละลายในปาก ยกให้เป็นแซลมอลอะบุริที่อร่อยที่สุดตั้งแต่กินมาเลย

จบวันฟรีเดย์ในซัปโปโรกันแบบฟินๆเต็มอิ่มสุดๆ มีเวลาเที่ยวเองแค่วันเดียวยังรู้สึกติดใจซัปโปโรขนาดนี้เลย

สำหรับโปรแกรมทัวร์ Food and Farm Experiencein HOKKAIDO 2016 กับ JGB TOUR ก็จบลงเท่านี้ค่ะ วันต่อไปเราก็เดินทางกลับสู่กรุงเทพกันแต่เช้า เป็นการจบทริปอย่างสวยงามและประทับใจ ทริปนี้ได้เจออะไรแปลกใหม่เยอะแยะเลย ทั้งเมืองโอบิฮิโระของฮอกไกโดที่เป็นเมืองที่ยังไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมากนัก แถมยังได้ซึมซับบรรยากาศหิมะของฮอกไกโดที่มาผิดฤดูอีกด้วย บางทีความแปรปรวนของอากาศก็กลายเป็นเรื่องดีๆ ที่ทำให้เราได้เจอกับภาพที่สวยงามแบบเที่ยวครั้งเดียวได้เจอถึง 2 ฤดู (แต่ถ้าแปรปรวนเกินไปก็ไม่ไหวเหมือนกันเนอะ)

พอได้ไปฮอกไกโดเป็นครั้งแรกแบบนี้ก็รู้แล้วค่ะว่าทำไมหลายคนถึงหลงรักฮอกไกโดกันขนาดนี้ สัญญาว่าจะกลับไปใหม่นะ o(^w^)o