วันแรกเราเริ่มต้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ เตรียมตัวออกเดินทางสู่สนามบิน New Chitose แห่งฮอกไกโดกันด้วยสายการบินไทย เที่ยวบิน TG670 ออกเดินทางเวลา 23.45 น. ค่ะ ซึ่งสายการบินไทยถือเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับใครที่อยากไปเที่ยวฮอกไกโดแบบง่ายๆ ก็มีการบินไทยนี่แหละที่เป็นแบบ Direct Flight ไม่ต้องต่อเครื่องให้เสียเวลา บินรวดเดียวถึง นอนยาวๆ ตื่นมาก็เที่ยวได้เลย สะดวกและรวดเร็วมากๆ แถมไฟล์ทนี้ยังได้ดูพระอาทิตย์ขึ้นบนเครื่องบินด้วยนะ


หลังจากหลับๆตื่นๆ พอมองไปข้างนอกอีกทีก็เช้าแล้วจ้าา อาหารเช้าก็พร้อมเสิร์ฟเช่นกัน ไฟล์ทนี้มีอุด้งทะเลด้วยแหละ อร่อยใช้ได้เลยค่ะ


ผ่านไป 6 ชั่วโมงกับอีก 45 นาที เราก็แลนดิ้งสู่สนามบิน New Chitose เป็นที่เรียบร้อย พอผ่านตม. รับกระเป๋าออกมาเราก็เจอคุณพี่ม่อนยืนยิ้มแฉ่งเป็นหลักฐานว่าเรามาถึงฮอกไกโดแล้วจ้าาา~~ เตรียมตัวออกไปสัมผัสอากาศหนาวกัน!


หลังจากขึ้นรถบัสก็ออกเดินทางสู่เมืองโอบิฮิโระกันค่ะ ออกจากสนามบินปุ๊บภาพแรกที่เห็นก็คือสีขาวโพนของหิมะที่ปกคลุมไปทั่วบริเวณ นี่คือหิมะหลงฤดูที่ตกไปเมื่อไม่กี่วันก่อนจะมาถึงนี่เอง ที่บอกว่าเป็นหิมะหลงฤดูก็เพราะว่าจริงๆช่วงที่ไปคือต้นเดือนพฤศจิกายนซึ่งยังอยู่ในฤดูใบไม้ร่วง ตามปกติจะยังไม่มีหิมะตกในช่วงนี้ แต่ด้วยอากาศที่แปรปรวนและอะไรหลายๆอย่างทำให้แค่ต้นเดือนพฤศจิกายนเท่านั้นหิมะแรกของฮอกไกโดก็ตกซะแล้ว ใครไปญี่ปุ่นช่วงนั้นถือว่าโชคดีมากกกกกก เพราะได้เจอ 2 ฤดูพร้อมๆกันไปเลย

การเดินทางสู่เมืองโอบิฮิโระโดยรถบัสใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง อย่างที่บอกว่าโอบิฮิโระเป็นเมืองแห่งการเกษตรและปศุสัตว์ ที่นี่ก็เลยอุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติและผลผลิตทางการเกษตรมากมาย ซึ่งทริปนี้เราก็ได้ลองชิมอาหารจากพืชผักพื้นเมืองสดๆด้วย เดี๋ยวจะค่อยๆเอามาให้ชมนะ แต่อย่างแรกที่ได้ลองก็คือ ข้าวหน้าหมู หรือ บูตะด้ง ของอร่อยขึ้นชื่อของเมืองโอบิฮิโระที่ร้าน Butadon no Tonta นั่นเองค่าา


ตอนไปถึงที่ร้านเนื่องจากเป็นร้านที่ฮิตมากๆก็เลยจองล่วงหน้าไม่ได้ ถ้ามาช่วงคนเยอะๆก็ต้องรอคิวหน้าร้านกันนิดนึง ไม่เป็นไรค่ะชิลๆ เพื่อของอร่อยรอได้อยู่แล้ว อากาศตอนนั้นประมาณ 1 องศาเท่านั้นเอ๊งงง เรารอด๊ายย~ *ปากสั่น*
ระหว่างรอก็ชมวิวหน้าร้านไปพลางๆ ถึงหิมะจะตกแล้วแต่ใบไม้แดงก็ยังอยู่นะ มันเก๋ตรงนี้แหละ


รออยู่พักนึงในที่สุดเราก็ได้เข้ามานั่งในร้านเป็นที่เรียบร้อย ร้านนี้เค้าขายข้าวหน้าหมูโดยเฉพาะเลย ตัวข้าวหน้าหมูก็จะมีให้เลือก 3 แบบ คือเนื้อสันนอก สันใน และก็หมูสามชั้น ซึ่งแบบที่เค้าแนะนำว่าอร่อยที่สุดก็ต้องเป็นหมูสามชั้นที่เรียกว่า Bara Butadon ค่ะ


มาแล้วค่าา~ ข้าวหน้าหมูกลิ่นหอมยั่วยวนของเรา ดูหน้าตากันซะก่อน อันนี้เป็นแบบหมูสามชั้นที่แบบว่าชุ่มฉ่ำมากๆ ก่อนกินใครจะเติมซอสเพิ่มอีกก็ได้นะ เค้าจะมีโถซอสมาวางไว้ให้ที่โต๊ะ แต่จริงๆซอสที่หมักมาก็ชุ่มพอสมควรแล้วแหละ พอชิมเข้าไปคำนึงก็ถึงกับตาสว่างเป็นประกายวิ๊งค์ๆ เพราะมันอร่อยมากกกกกก เนื้อหมูนุ่มและก็หวานฉ่ำซอสสุดๆ ปกติไม่ค่อยชอบเนื้อหมูมันๆขนาดนี้นะ แต่เมนูนี้ต้องยอมเค้าเลย

หลังจากอิ่มท้องกับข้าวหน้าหมูฟินๆไปแล้ว ก็ไปต่อด้วยอะไรที่ตื่นเต้นน่าลุ้นกันดีกว่า โปรแกรมต่อไปก็คือพาไปชมการแข่งขันม้าบังเอ ซึ่งเป็นการแข่งม้าแบบพิเศษที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลก!

ถ้าพูดถึงการแข่งม้าปุ๊บ เชื่อว่าภาพในหัวของทุกคนก็คือมีม้าตัวสูงเพรียววิ่งแข่งกันเข้าเส้นชัยด้วยความเร็วใช่มั้ย แต่ไม่ใช่กับการแข่งม้าบังเอที่โอบิฮิโระค่ะ เพราะการแข่งม้าบังเอคือการแข่งม้าแบบลากเลื่อนน้ำหนัก 1 ตันไปตามระยะทางประมาณ 100 เมตร ม้าตัวไหนเข้าเส้นชัยตัวแรกก็จะแสดงถึงพละกำลังและความแข็งแรงของม้าตัวนั้นนั่นเอง


การแข่งม้าเพื่อพิสูจน์ความแข็งแรงของม้าแบบนี้ก็ไม่ได้วิ่งในทางเรียบธรรมดาแน่นอน ตรงช่วงกลางสนามจะมีเนินทดสอบพละกำลังของม้าไปด้วย ตรงนี้แหละที่ต้องลุ้นเอาใจช่วยกันแบบสุดๆเลย


ขึ้นชื่อว่าเป็นสนามม้าก็ต้องมีการเล่นพนันอย่างถูกกฎหมายด้วยค่ะ ซึ่งก็มีคุณลุงนักเสี่ยงโชคทั้งหลายมาเชียร์กันเยอะทีเดียว
แข่งจบรอบแล้วใครไม่เฮนี่รู้เลยนะ หึหึหึ


ข้างๆสนามจะมีการพาม้ามาวิ่งวอร์มร่างกายซึ่งม้าที่ทำการแข่งพวกนี้ก็ตัวใหญ่มากกกกกก ใหญ่แบบไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีม้าที่ตัวใหญ่ขนาดนี้ด้วย


ชมการแข่งขันกันไปแล้ว ใครอยากใกล้ชิดกับม้ามากขึ้น ที่สนามม้าเค้าก็มีส่วนของคอกม้าซึ่งเราสามารถให้อาหารม้าได้ด้วยแหละ


ส่วนตรงนี้จะมีทั้งม้าตัวเล็ก ม้าแคระ แล้วก็ม้าตัวใหญ่ที่เคยทำการแข่งขันมาก่อนด้วยค่ะ


จบจากสนามม้าเราก็เข้าเช็คอินที่โรงแรม Hotel Grand Terrace Obihiro แล้วก็เตรียมตัวไปกินมื้อเย็นกันที่ร้าน Tokachi Farmers Restaurant กัน ด้วยความที่เป็นหน้าหนาวแล้ว เผลอแปปเดียวพระอาทิตย์ก็ตกดินซะแล้ว บางวันฟ้ามืดตั้งแต่ 4 โมงเย็นเลยทีเดียว


ช่วงเย็นเราเดินจากโรงแรมมาที่ร้าน Tokachi Farmers Restaurant ซึ่งเป็นร้านที่เราจะมาดินเนอร์กันวันนี้ ระยะทางจากโรงแรมมาที่ร้านไม่ไกลกันเลยค่ะ แต่ตอนนั้นอากาศประมาณ -3 องศาก็มีสั่นสู้อยู่เหมือนกัน

ร้านนี้มีอาหารที่ทำจากวัตถุดิบสดๆจากท้องถิ่น โดยเฉพาะผักสดต่างๆ ซึ่งเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพทั้งนั้นเลย เมนูก็จะมาเป็นคอร์สๆ ให้เราได้ชิมอาหารหลากหลายเมนูกันจนอิ่มเลยทีเดียว


และนี่คืออาหารทั้งหมดที่ได้ทาน จะแนะนำเมนูให้เอาแบบเท่าที่จำได้นะคะ 555555
แถวบนเริ่มจากด้านซ้ายเป็นสลัดแซลมอน ต่อมาเป็นสลัดแฮมสด ส่วนจานขวาสุดเป็นสลัดไข่ต้มที่มีความพิเศษคือไข่แดงของเค้าเป็นสีขาวด้วยนะ
ต่อมาเป็นพิซซ่าหน้ามะเขือเทศ จานนี้เด็ดมาก เพราะปกติเราไม่ชอบมะเขือเทศเลยไม่ว่าจะลูกเล็กลูกใหญ่ แต่มะเขือเทศของที่นี่เราทานได้ค่ะ รสชาติดีเลยแหละ ถัดไปเป็นเมนูกินง่ายๆที่แอบชอบเป็นพิเศษก็คือมันฝรั่งอบชีส ส่วนจานด้านล่างเป็นลิ้นวัวค่ะ
แถวสุดท้ายเป็นข้าวผัดกับเฟรนช์ฟรายส์ แล้วก็ปิดท้ายด้วยของหวานหน้าตาแปลกๆ พอกัดเข้าไปข้างในเป็นไอศกรีมชาเขียวที่มีถั่วแดงด้วย อร่อยยยยยย

วันแรกในเมืองโอบิฮิโระ แห่งฮอกไกโดของเราก็จบแล้วค่าาา หลังจากเดินทางมาอย่างยาวนานเราก็ได้ฟินกับบรรยากาศของฮอกไกโดตั้งแต่วันแรกเลย เจอทั้งอากาศหนาว ใบไม้แดง แล้วก็ยังมีหิมะที่พื้นประปรายอีกด้วย ส่วนวันต่อไปจะเป็นยังไง คอยติดตามกันนะคะ